แชร์

เลือกซื้อเครื่องมือทดสอบและวัดทางอิเล็กทรอนิกส์มือสอง ควรเช็กรู้อะไรบ้าง ?

อัพเดทล่าสุด: 15 พ.ย. 2024
112 ผู้เข้าชม
เทคนิคดูคุณภาพเครื่องมือทดสอบและวัดทางอิเล็กทรอนิกส์มือสอง

 

การเลือกซื้อ เครื่องมือทดสอบและวัดทางอิเล็กทรอนิกส์มือสอง (Electronic Test and Measurement Equipment)

เช่น มัลติมิเตอร์ (Multimeter), ออสซิลโลสโคป (Oscilloscope), เครื่องกำเนิดสัญญาณ (Signal Generator),
หรือ เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัม (Spectrum Analyzer) จำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ยังมีคุณภาพดี
ใช้งานได้ตรงตามความต้องการ และคุ้มค่ากับราคา

 

  1. ศึกษาความต้องการและคุณสมบัติที่ต้องการ
    ลักษณะงาน : ระบุว่าคุณจะใช้อุปกรณ์เพื่อวัดค่าอะไร เช่น แรงดันไฟฟ้า, กระแส, สัญญาณความถี่, หรือการวิเคราะห์คลื่น RFช่วงการวัด (Measurement Range): ตรวจสอบว่าสามารถครอบคลุมค่าที่คุณต้องการวัดได้
    ฟังก์ชันพิเศษ : เช่น True RMS, การวิเคราะห์ FFT, หรือการเชื่อมต่อ USB เพื่อเก็บข้อมูล
    ความแม่นยำ (Accuracy) : สำคัญมากสำหรับงานที่ต้องการผลลัพธ์ที่เที่ยงตรง เช่น งานซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  2. ตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์
    ความสมบูรณ์ภายนอก : ตัวเครื่องต้องไม่มีรอยแตก, ปุ่มหมุน(knob), และหน้าจอควรอยู่ในสภาพใช้งานได้
    หน้าจอแสดงผล : ตรวจสอบว่าหน้าจอไม่มี Dead Pixel หรือจุดเสียหาย ค่าแสดงผลชัดเจน ไม่มีความคลาดเคลื่อน
    พอร์ตและขั้วต่อ : ตรวจสอบว่าพอร์ต Input และ Output ยังใช้งานได้ดี หากมี Probe หรือสายสัญญาณ ควรตรวจสอบว่าสภาพดี ไม่มีขาดหรือหลวม

  3. ทดสอบการทำงาน
    ฟังก์ชันพื้นฐาน : ทดสอบว่าอุปกรณ์สามารถวัดหรือแสดงผลค่าต่างๆ ได้ถูกต้องตามที่ระบุในสเปกการตอบสนอง:อุปกรณ์ควรตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงสัญญาณหรือการตั้งค่า
    การสอบเทียบ (Calibration) : หากอุปกรณ์มีการสอบเทียบล่าสุด (Calibration Certificate) จะช่วยรับประกันความแม่นยำหากไม่มี อาจต้องเตรียมงบประมาณเพื่อสอบเทียบหลังซื้อ 

  4. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมและซอฟต์แวร์
    ตรวจสอบว่าอุปกรณ์เสริม เช่น Probe, สายไฟ, คู่มือ, และอะแดปเตอร์ ยังครบถ้วนหรือไม่
    หากเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ ควรสอบถามผู้ขายว่าซอฟต์แวร์ยังสามารถใช้งานได้หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่

  5. เปรียบเทียบราคา
    ราคามือสอง: เปรียบเทียบราคากับร้านค้าหรือผู้ขายรายอื่น
    ราคามือหนึ่ง: ตรวจสอบว่าราคามือสองที่เสนอคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับมือหนึ่ง (รวมถึงสภาพและการรับประกัน)

  6. การรับประกันและการบริการหลังการขาย
    เลือกร้านหรือผู้ขายที่มีการรับประกันสินค้า แม้เพียงระยะสั้น เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน
    สอบถามเกี่ยวกับบริการหลังการขาย เช่น การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่

  7. เลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ
    ร้านค้าที่เชี่ยวชาญ : เช่น ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองหรือร้านประจำที่มีความน่าเชื่อถือ
    แพลตฟอร์มออนไลน์ : หากซื้อผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, Kaidee หรือ Facebook Marketplace ควรดูรีวิวและประวัติการขายของผู้ขาย
    ฟอรัมหรือกลุ่มช่าง : กลุ่มช่างอิเล็กทรอนิกส์ใน Facebook หรือฟอรัมออนไลน์มักมีผู้ขายที่เชี่ยวชาญและแนะนำสินค้าคุณภาพ

    ข้อควรระวัง
    ระวังการซื้ออุปกรณ์ที่ราคาถูกเกินไปโดยไม่ได้ตรวจสอบสภาพหรือทดสอบการทำงาน
    หากอุปกรณ์เสียหายบางส่วน อาจต้องคำนวณค่าซ่อมหรือค่าอะไหล่เพิ่ม
    หากไม่มีความรู้เพียงพอ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเพื่อนที่มีประสบการณ์ในการซื้ออุปกรณ์มือสอง
    ด้วยการตรวจสอบอย่างละเอียด คุณจะสามารถเลือกซื้อเครื่องมือทดสอบและวัดที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงานของคุณได้!
บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy